เรื่อง การทำนาอินทรีย์
การทำนาข้าวปลอดสารพิษ เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมการเกษตรทฤษฎีใหม่โดยยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้ข้าวสำหรับการบริโภคอย่างปลอดภัย ไร้สารพิษ รักษาสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม ปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ สมบูรณ์ แข็งแรง ปราศจากหรือมีโรคน้อยที่สุด
การที่เกษตรกรนิยมใส่ปุ๋ยและสารเคมีต่างๆ ในพื้นที่การเกษตร ซึ่งสะสมในดินและต้น น้ำลำธาร ก่ออันตรายต่อชีวิตที่อยู่โดยรอบ รวมถึงผู้บริโภคและตัวเกษตรกรเอง ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านบ้านโนนสะอาด อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ จึงรวมตัวกันเป็นกลุ่มเกษตรกรผลิตข้าวอินทรีย์และปุ๋ยอินทรีย์ขึ้น โดยได้รับการอบรมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนประสบความสำเร็จ สภาพสมบูรณ์ของที่นาเริ่มกลับคืนมา
นางกองสี ต่อพันธ์ เปิดเผยว่า ในอดีตเกษตรกรที่ทำนาประสบปัญหาหน้าดินแข็ง ต้นข้าวเกิดโรคระบาด เติบโตช้า ได้ผลผลิตน้อย ได้พยายามหาทางแก้ไขมาตลอด แต่ไม่สำเร็จ ชาวบ้านจึงรวมตัวกันตั้งเป็นกลุ่มขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ.2547 โดยมีผู้นำหมู่บ้านโนนสะอาด เป็นผู้ริเริ่มพาชาวบ้านทำนาอินทรีย์ คือ นาย กองทัพ เดชทิพย์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับโครงสร้างการผลิตเน้นเศรษฐกิจพอเพียง ส่งเสริมการเกษตรแบบอินทรีย์ลดสารเคมีตกค้าง ฟื้นฟูธรรมชาติให้ลูกหลาน เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองแก่สมาชิกในการจำหน่ายผลผลิต เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยลดการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีต่างๆ และเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีการลงแขกเกี่ยวข้าว และที่สำคัญช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยกันในสังคมชนบท
ชาวบ้านโนนสะอาดโดยการจัดตั้งกลุ่มเกษตรอินทรีย์ขึ้น เพื่อให้ชาวบ้านโนนสะอาด อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ ที่สนใจเข้าร่วมกลุ่ม เพื่อฝึกทำปุ๋ยและยาฆ่าแมลงด้วยตนเอง และ นำกลับไปใช้ในแปลงนาของตัวเองได้
ต่อมาได้ทำน้ำหมักจากสีเขียว เช่น พืชตระกูลถั่วและปุ๋ยอินทรีย์ชนิดผง น้ำหมักสกัดจากผลไม้สด น้ำหมักจากหอยเชอรี่ และซากสัตว์ต่างๆ จนสามารถทำเองได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงการทำปุ๋ยหมักอินทรีย์ใส่นาข้าว ซึ่งมีวิธีทำคือ
นำมูลสัตว์ แกลบ ใบไม้แห้ง เศษหญ้า หรืออินทรียวัตถุอื่น ๆ น้ำ 1 ปี๊บ
จุลินทรีย์ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันกับน้ำจากผลไม้คั้น กากน้ำตาล ให้พอหมาดๆ บรรจุกระสอบที่มีรูระบาย เมื่อผ่านไป 2-3 วันจับดูจะรู้สึกร้อนประมาณ 45-50 องศาเซลเซียส แสดงว่าทำถูกต้องตามขั้นตอน จากนั้นหมักทิ้งไว้ 5 วัน เมื่อเย็นลงก็สามารถนำไปใช้ได้ และต้องเก็บไว้ในที่ร่มไม่ให้ถูกความชื้นและความร้อน
ประโยชน์ของการทำนาข้าวอินทรีย์
1.ช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตมากขึ้น โดยต้นทุนในการใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพียงแค่ ประมาณ 200 บาทต่อไร่ โดยอาจะต้องใช้ปุ๋ยอินทรีย์มากในตอนแรกแต่จะค่อยๆลดลงเมื่อดินดีแล้ว ในขณะที่การใช้ปุ๋ยเคมีจะได้ผลผลิตประมาณ 400 กิโลกรัมต่อไร่ โดยต้นทุนการผลิตประมาณ 400 บาทต่อไร่ และต้องเพิ่มปริมาณปุ๋ยให้มากขึ้นในทุกๆ ปี
2.ได้สภาพแวดล้อมที่สมบรูณ์กลับคืนมา ดินร่วนซุย รากข้าวชอนไชหาอาหารง่าย กบ กุ้ง ปลา ชุกชุม มีสุขภาพชีวิตที่ดี มีอาหารปล่อยสารพิษไว้บริโภค
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น